รีวิวเกมส์ Elden Ring

รีวิวเกมส์ Elden Ring ถึงเวลาของ Elden Ring เกม RPG สุดยิ่งใหญ่ล่าสุดจาก FromSoftware ผู้สร้างซีรีส์ Souls, Bloodborne และ Sekiro: Shadows Die Twice แล้ว เกมนี้จะสามารถตอบโจทย์และความตื่นเต้นของแฟนๆ ได้หรือไม่ ติดตามได้ในบทความรีวิวของเรา ขอต้อนรับสู่ “The Lands Between” หรือในภาษาไทยคือ “The Land of the Middle”

นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ปกครองโดยราชินีมาริกา ผู้ซึ่งถือเป็นเทพสูงสุดของโลกนี้ ในขณะเดียวกันก็ยังมี “Elden Ring” ซึ่งเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่มอบพรให้กับทุกสิ่งเสมอ

แต่แล้วก็ถึงเวลาที่พลังจะสิ้นสุดลง เมื่อมีเหตุให้ Elden Ring แตกเป็นเสี่ยงๆ ตามมาด้วยสงครามครั้งใหญ่ระหว่างผู้ที่ต้องการยึดอำนาจ ในสงครามครั้งนั้นไม่มีใครชนะ แต่เมื่อ Elden Ring แตกออก พรก็หายไป ทำให้ที่นี่กลายเป็นดินแดนต้องคำสาปที่เต็มไปด้วยอันตรายทุกหนทุกแห่ง พร้อมกับการหายตัวไปของราชินีมาริกา

และตอนนี้เราจะเล่นเป็นทายาทของ “The Tarnished” กลุ่มฮีโร่ที่เคยถูกเนรเทศ แต่ในที่สุดก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องกอบกู้แผ่นดิน ด้วยการตามหาแหวนเอลเดน ฟื้นฟูพลังศักดิ์สิทธิ์ และขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ที่จะปกครองที่นี่ตลอดไป

เมื่อดูจากเนื้อเรื่องแล้ว ถือเป็นเนื้อเรื่องที่แฟนๆ ซีรีส์ Souls น่าจะคุ้นเคยกันดี แต่เมื่อดูจากเนื้อเรื่องแล้ว ฉันต้องบอกว่าเนื้อเรื่องยังมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด ด้วยการที่จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน (ผู้สร้าง Game of Thrones) เขียนเรื่องราวในตำนานอยู่เบื้องหลัง ทำให้ Elden Ring มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม เพราะแต่ละสถานที่เต็มไปด้วยความลับมากมาย ซึ่งขยายความจากเนื้อเรื่องหลักว่าเมื่อแหวนเอลเดนพังทลาย จะเกิดหายนะอะไรบ้าง?

เรื่องราวย่อยเหล่านี้ถูกเล่าผ่านบทสนทนาของตัวละครที่เราพบ ผ่านคำทำนาย จารึกต่างๆ หรือแม้แต่การเห็นด้วยตาของเราเอง เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เราจะเข้าใจว่าแต่ละเหตุการณ์มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร

ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ ยังคงเป็นรูปแบบการเล่าเรื่องของเกม Souls ไม่มีฉากคัทซีนสำคัญๆ ให้เราเข้าใจเรื่องราวได้โดยตรง ซึ่งเมื่อมองอีกมุมก็ดูเป็นธรรมชาติ เพราะภาพที่ออกมาเหมือนเราเป็นเพียงส่วนเล็กๆ โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา และตัวละครหลายๆ ตัวในเรื่องก็มีคุณสมบัติเป็น “ฮีโร่” ในตัวอยู่แล้ว

ผจญภัยในดินแดนต้องสาป กับมหากาพย์แฟนตาซี รีวิวเกมส์ Elden Ring

Elden Ring คือการเปลี่ยนแปลงของซีรีส์ Souls ให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ ซึ่งทางทีมงานได้ให้คำจำกัดความว่าเป็น “Open Field” ไม่ใช่ Open World อย่างที่หลายคนเข้าใจในตอนแรก ความหมายคือเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะทำอะไรก่อน แต่จะมีข้อจำกัดหลายอย่างที่ทำให้เราไม่มีอิสระมากนัก อาจจะเป็นเรื่องของศัตรูที่แข็งแกร่งเกินไป หรือบางสถานที่ที่ยังไม่เปิดจนกว่าเราจะทำตามเงื่อนไขบางประการเสร็จ เช่น การปราบบอสให้สำเร็จ หรือการเก็บไอเทมบางอย่างเพื่อปลดล็อคเส้นทางไปสู่ขั้นตอนต่อไปรีวิวเกมส์ Elden Ring

และเนื่องจากเป็น Open Field ของเกมนี้ เกมจึงจะไม่เป็นแบบ Open ตลอดเวลา เพราะจะมีดันเจี้ยนรวมอยู่ด้วย ทั้งดันเจี้ยนย่อยที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วแผนที่ และดันเจี้ยนหลักตามเนื้อเรื่อง หากลองเข้าดันเจี้ยนเหล่านี้ก็จะเป็นแผนที่จากซีรีส์ Souls ที่เราคุ้นเคย เพราะมีการออกแบบด่านที่ซับซ้อน และยังมีกลไกต่างๆ เช่น ลิฟต์หรือประตูทางลัดที่ถูกล็อกไว้ให้เปิดได้จากอีกด้านเท่านั้น ซึ่งรวมมาแบบจัดเต็ม ผสมผสานกับศัตรูสุดโหดที่อาจโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่ทันตั้งตัว

อีกด้านหนึ่ง พื้นที่เปิดโล่งของเกมนั้นกว้างใหญ่ไพศาลมากจนต้องบอกได้คำเดียวว่ามันน่าประทับใจมาก มีอะไรให้เราสำรวจทุกที่ นอกจากดันเจี้ยนแล้วยังมีโซนเล็กๆ เช่น หมู่บ้าน ค่ายทหาร หรือถ้ำมอนสเตอร์อีกด้วย โดยแต่ละจุดจะได้รับรางวัลหากเรามีทักษะเพียงพอ เช่น ไอเทมสำคัญ อาวุธใหม่ หรือทักษะใหม่ที่จะอัพเกรดตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับ World Design ของเกมนี้ ถือเป็นจุดที่สมบูรณ์แบบที่สุดของทีม FromSoftware เลยก็ว่าได้ ไม่มีส่วนไหนเลยที่เราไม่อยากมอง ไม่ว่าจะทรุดโทรมหรือเน่าเปื่อยขนาดไหน พวกเขาก็ยังจัดวางองค์ประกอบศิลปะได้ดีมาก มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยจากเกมก่อนๆ จนกลายเป็นโลกแฟนตาซีอันมืดมิดที่ผู้เล่นจะไม่มีวันเบื่อ

และหากใครเคยเล่น Souls มาก่อนก็จะรู้ว่าปราสาท ภูเขา หรือสถานที่ต่างๆ ที่เห็นอยู่ไกลๆ เป็นฉากหลังนั้น เราจะสามารถเดินทางไปที่นั่นได้จริงในภายหลัง เมื่อมาถึง Elden Ring เกมจะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบนี้และขยายออกไปอย่างเต็มที่ ทุกอย่างมีจุดเชื่อมต่อและมีทั้งมิติแนวนอนและแนวตั้งให้คุณสำรวจในแบบที่น่าพอใจมาก

สิ่งสำคัญคือพื้นที่ตรงกลางนี้มีขนาดใหญ่มาก ถึงขนาดที่สามารถสร้างสถานที่ในประเภทเดียวกันได้มากกว่าหนึ่งแห่ง เช่น ปราสาท มีปราสาทมากมายทุกที่ “Poison Swamp” ที่แฟนๆ ชื่นชอบก็มีหลายประเภทเช่นกัน หรือถ้าเป็นหมู่บ้านหรือเหมืองก็จะมีมากกว่าหนึ่งแห่ง แต่ละแห่งจะมีรูปลักษณ์ โทนสี และศัตรูที่แตกต่างกัน เมื่อคุณเห็น คุณจะรู้ได้ว่าไม่ใช่แค่การคัดลอกและวางเพื่อให้ดูเหมือนว่ามีสิ่งให้สำรวจมากมาย

เนื่องจากมีสิ่งให้สำรวจมากมาย เกมนี้จึงได้รับการออกแบบมาในลักษณะที่ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องรวบรวมทุกจุด หากคุณกล้าและเก่งพอ คุณก็สามารถมุ่งตรงไปและจบดันเจี้ยนหลักได้โดยไม่ต้องหยุดทุกที่ที่คุณผ่านไปเพื่อให้เข้ากับโลกอันกว้างใหญ่ที่จะต้องใช้เวลาสำรวจนาน ครั้งนี้ทีมงานจึงได้เพิ่มตัวช่วยต่างๆ ให้กับเราหลายอย่าง ซึ่งเป็นการต่อยอดจากเกมภาคก่อนๆ โดยใช้ข้อดีของแต่ละเกมมาทำให้เป็นเกมที่เข้าถึงได้สำหรับคนจำนวนมาก

กราฟิก / ประสิทธิภาพ

ในด้านกราฟิก ฉันต้องบอกว่าพื้นผิวและเทคนิคภาพยังไม่ดีเท่ากับ Demon’s Souls Remake บน PlayStation 5 แต่สิ่งที่ชดเชยได้คือทิศทางศิลปะ อย่างที่ฉันได้กล่าวไปแล้ว ทีมงานทำให้ทุกฉากดูสวยงาม และนั่นหมายถึงสิ่งนั้นจริงๆ มันสวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน โทนสีมีความแฟนตาซีมากกว่าเกมอื่นๆ ในอดีต อีกทั้งแสงและเงาก็ได้รับการปรับแต่งมาอย่างดี ดังนั้นเราต้องชื่นชมทีมงานที่ทำอย่างดีที่สุดเพื่อเกมข้ามรุ่นอย่างนี้

อีกสิ่งหนึ่งที่ FromSoftware ทำสำเร็จในที่สุดคือเวลาในการโหลด ปกติแล้วเกม Souls จะต้องตายบ่อย และแม้ว่ามันจะน่ารำคาญ แต่สิ่งที่น่ารำคาญกว่าคือใช้เวลานานในการโหลด อีกทั้งคุณต้องรอเพื่อวาร์ปและเปลี่ยนฉากเล็กน้อย แต่สำหรับ Elden Ring เป็นเกมที่ใช้พลังของ SSD อย่างเต็มศักยภาพทั้งบน PC และ PlayStation 5 ทำให้แผนที่โหลดได้เร็วมาก (นานที่สุดที่ฉันเคยเจอคือไม่เกิน 10 วินาที) สำหรับเกมที่มีขนาดแผนที่แบบนี้ต้องบอกเลยว่าน่าพอใจมาก

ส่วนใครที่เคยเห็นสเปค PC ที่ทีมงานเผยออกมาก็จะรู้ว่ามันค่อนข้างสูง ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นจริงก็เป็นไปตามคาดที่เกมต้องการสเปคค่อนข้างเยอะ และถึงแม้จะเข้าใจได้เพราะแผนที่กว้างและมีวัตถุมากมายในฉาก แต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือจุดสำคัญของ Elden Ring นั่นก็คือเกมจะแลคมาก ต่อให้ปรับค่าให้เล่นลื่นแค่ไหนก็ยังเจอแลคอยู่ดีรีวิวเกมส์ Elden Ring

ถ้าบอกว่าทีมงานไม่ได้ปรับแต่งให้เหมาะกับ PC ดีพอก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง อีกสาเหตุคือ Engine ไม่รองรับเกมขนาดนี้ เมื่อล็อคเฟรมเรตไว้ที่ 60 ก็จะแลคถ้าเจออะไรนิดหน่อย โดยเฉพาะฉาก Open Field ที่มีวัตถุมากมาย จึงดูแปลกที่โหลดเร็วแต่ดันเจอปัญหาแลค

ที่สำคัญ ในระหว่างการเปิดตัวการทดสอบเครือข่าย เรายังได้ทดลองเล่นเกมบน PlayStation 5 ซึ่งพบว่าเกมยังล่าช้าอีกด้วย ดังนั้น เราจึงได้แต่หวังว่าแพตช์ Day One จะแก้ไขประสิทธิภาพสำหรับทั้งพีซีและคอนโซลได้ แม้ว่าจะไม่ใช่การปฏิวัติครั้งใหญ่จากซีรีส์ Souls ที่เรารู้จัก แต่เกมนี้ก็เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดจาก FromSoftware เป็นเกมแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยสถานที่อันงดงามและเรื่องราวที่ซับซ้อน

สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ความตาย การเกิดใหม่ และการกลับชาติมาเกิดใหม่ในระดับใหญ่ พร้อมกับการต่อสู้กับบอสสุดยิ่งใหญ่ รับรองว่า Elden Ring จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

บทความที่เกี่ยวข้อง